บ้านปู Q1 ปี’67 กวาดกำไร 1,552 ล้านบาท เดินหน้าแบตเตอรี่ ครบวงจรพร้อมรีไซเคิล

บ้านปู Q1 ปี’67 กวาดกำไร 1,552 ล้านบาท เสริมศักยภาพทุกธุรกิจโตต่อเนื่อง เดินหน้าแบตเตอรี่แบบครบวงจรพร้อมรีไซเคิล ส่งมอบแบตเตอรี่แล้ว 20,000 ชุด

วันที่ 14 พฤษภาคม 2567 นายสินนท์ ว่องกุศลกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ผลประกอบการไตรมาส 1 ปี 2567 มีรายได้จากการขายรวม 1,088 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 38,810 ล้านบาท โดยมีกำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี และค่าเสื่อมราคา (EBITDA) รวม 250 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 8,924 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 43.5 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 1,552 ล้านบาท

“ในไตรมาส 1 ปี 2567 บริษัทยังคงมุ่งเน้นเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงานและบริหารจัดการต้นทุนอย่างรัดกุม ยกระดับการดำเนินงานของทุกกลุ่มธุรกิจใน 9 ประเทศ และเพิ่มศักยภาพในการบริหารจัดการทรัพยากรเพื่อคงความสามารถในการสร้างกระแสเงินสดอย่างต่อเนื่อง โดยกลุ่มธุรกิจแหล่งพลังงานและผลิตพลังงาน มุ่งเน้นเพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุนเพื่อตอบสนองต่อภาวะราคาพลังงานที่ผันผวน

สินนท์ ว่องกุศลกิจ
สินนท์ ว่องกุศลกิจ

สำหรับกลุ่มธุรกิจเทคโนโลยีพลังงานมีความคืบหน้าของโรงงานประกอบแบตเตอรี่ในประเทศไทยที่ได้เริ่มส่งมอบแบตเตอรี่ชุดแรกแล้ว นอกจากนั้น เรายังมุ่งบริหารพอร์ตโฟลิโอให้สอดคล้องไปกับแนวทางการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ผ่านการจัดสรรงบประมาณการลงทุนอย่างเหมาะสม เพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน”

สำหรับผลการดำเนินงานของ 3 กลุ่มธุรกิจหลักในไตรมาส 1 มีรายละเอียดดังต่อไปนี้

Advertisment

– กลุ่มธุรกิจแหล่งพลังงานด้านธุรกิจเหมือง เร่งดำเนินมาตรการที่ช่วยประหยัดเวลาและทรัพยากร และลดสิ่งเหลือทิ้งจากกระบวนการผลิต เพื่อเสริมศักยภาพการผลิตและขนส่ง รวมถึงควบคุมต้นทุนการผลิต ส่วนธุรกิจก๊าซธรรมชาติ ดำเนินโครงการดักจับและกักเก็บก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (Carbon Capture, Utilization and Storage : CCUS) ในสหรัฐอเมริกา

โดยโครงการแรก “Barnett Zero” ดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง และคาดว่ากักเก็บคาร์บอนไดออกไซด์เฉลี่ยสูงสุดอยู่ที่ 210,000 ตัน ขณะที่โครงการที่สองอย่าง “Cotton Cove” ตั้งเป้าเริ่มดำเนินการภายในปี 2567 นี้ โดยคาดว่าจะกักเก็บคาร์บอนไดออกไซด์เฉลี่ยสูงสุดอยู่ที่ 45,000 ตัน

– กลุ่มธุรกิจผลิตพลังงาน สำหรับธุรกิจผลิตไฟฟ้าจากพลังงานความร้อน มีผลการดำเนินงานตามเป้าและคงประสิทธิภาพในการผลิตไฟฟ้าที่ดีต่อเนื่อง โดยมีปัจจัยบวกจากการเติบโตของความต้องการการใช้ไฟฟ้าในทุกภูมิภาคทั่วโลก โดยเฉพาะจากโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนที่มีเสถียรภาพและสร้างความมั่นคงในระบบการจ่ายไฟฟ้า เพื่อรองรับความต้องการในช่วงที่สภาพภูมิอากาศมีความผันผวน

สำหรับธุรกิจผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนในประเทศจีน ญี่ปุ่น เวียดนาม และออสเตรเลีย ยังคงรายงานผลการดำเนินงานที่ดี สร้างกระแสเงินสดอย่างสม่ำเสมอ แม้ในไตรมาสนี้จะเผชิญกับสภาพอากาศที่ไม่เอื้ออำนวยซึ่งเป็นไปตามฤดูกาล

Advertisment

– กลุ่มธุรกิจเทคโนโลยีพลังงาน มีการเติบโตแข็งแกร่งอย่างต่อเนื่อง โดยการมุ่งขยายฐานลูกค้าและการลงทุนร่วมกับพันธมิตรใหม่ ๆ ในธุรกิจแบตเตอรี่และระบบกักเก็บพลังงาน (Battery & Energy Storage System Solutions : BESS) ซึ่งเป็นโรงงานผลิตแบตเตอรี่ลิเทียมไอออน ภายใต้ความร่วมมือระหว่าง บ้านปู เน็กซ์ และ เอส โวลต์ เอเนอร์จี้ เทคโนโลยี (ประเทศไทย) ได้เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ และส่งมอบแบตเตอรี่ให้กับลูกค้าในประเทศไทยมากกว่า 20,000 ชุด

โดยมีเป้าหมายการผลิตรวม 60,000 ชุดต่อปี รวมถึงยังลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือจัดตั้งโรงงานและพัฒนาอุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่องกับการกักเก็บพลังงาน เซลล์แบตเตอรี่ และการรีไซเคิลแบตเตอรี่

– ขณะที่โรงงานประกอบแบตเตอรี่ดีพี เน็กซ์ ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนของบ้านปู เน็กซ์ และดูราเพาเวอร์ สามารถส่งมอบแบตเตอรี่ชุดแรกให้กับเชิดชัยมอเตอร์เซลส์ เพื่อนำไปใช้กับรถบัสไฟฟ้าแล้วเช่นกัน โดยมีเป้ากำลังการผลิตรวมที่ 1 จิกะวัตต์ชั่วโมง

– นอกจากนี้ ในไตรมาสนี้ยังมีการเปิดตัวโครงการ ‘Infinite Cafe Powered by Banpu NEXT’ เฟสที่สอง ที่จามจุรีสแควร์ ในรูปแบบพ๊อปอัพคาเฟ่ ที่มีระบบโซลาร์รูฟท็อปผลิตไฟฟ้าพร้อมแบตเตอรี่กักเก็บไฟฟ้าในตัว ซึ่งเป็นการนำเสนอโซลูชั่นพลังงานสะอาดที่สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ของผู้คน เพื่อขยายสู่กลุ่มลูกค้าธุรกิจบริการต่าง ๆ ในส่วนโครงการบริหารจัดการระบบผลิตความเย็นจากส่วนกลาง (District Cooling System) ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติฯ โซนซี คาดว่าจะเปิดดำเนินการเต็มรูปแบบในไตรมาส 4 ปีนี้

“บ้านปูยังคงสร้างการเติบโตของพอร์ตโฟลิโอพลังงาน โดยมุ่งสานต่อโรดแมปภารกิจการเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานที่ยั่งยืน (Sustainable Energy Transition) สิ่งที่ผมให้ความสำคัญ คือการสร้างกระแสเงินสดให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น จากการดำเนินงานที่เต็มประสิทธิภาพของสินทรัพย์ต่าง ๆ ในทุกกลุ่มธุรกิจของบริษัท

โดยมุ่งเน้นการนำเทคโนโลยีดิจิทัลและ AI เข้ามาสนับสนุนให้เกิดประโยชน์สูงสุด พร้อมการต่อยอดโอกาสเพิ่มรายได้จากการเลือกลงทุนที่จะให้ผลตอบแทนสูง โดยผสานความแข็งแกร่งทั้งในธุรกิจที่มีอยู่เดิมและธุรกิจใหม่ที่มีศักยภาพในการเติบโต ไม่ว่าจะภาคพลังงานหรืออุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง ขณะเดียวกัน ก็เร่งผลักดันการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากการดำเนินธุรกิจเพื่อร่วมขับเคลื่อนสังคมคาร์บอนต่ำ” นายสินนท์กล่าว

Scroll to Top